รอบรู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้า

     ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้เข้ามามีบทบาทในการทดแทนรถน้ำมันอย่างกว้างขวางพอสมควร จะเห็นได้ว่ามีค่ายยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศหลายๆ ค่ายเริ่มทยอยนำรถเข้ามาสู่ประเทศไทย เช่น BYD, Testa ฯลฯ หรือค่ายในประเทศไทยก็ได้มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองมากขึ้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกับรถไฟฟ้าให้มากยิ่งเพื่อให้เราได้มีความมั่นใจในการใช้งานรถไฟฟ้า (EV) ให้มากขึ้น

.

5 เหตุผลสำคัญที่ต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด

1. รถไฟฟ้า ดีกว่า ประหยัดกว่า ทั้งค่าน้ำมัน และค่าซ่อมบำรุง

หลายปีที่ผ่านมา ที่เราต้องทนกับสภาวะราคาน้ำมันที่ผันผวนอยู่ตลอด  รวมถึงจะเอารถเข้าศูนย์แต่ละครั้ง ก็ต้องคิดหนักว่าจะโดนค่าใช้จ่ายตัวไหนบ้าง    แต่สำหรับรถไฟฟ้า  หรือ รถ EV แล้ว จะเหลือเพียงค่าไฟฟ้าในการชาร์จ ที่ราคาและความผันผวนต่ำกว่า พร้อมจุดชาร์จที่มีอยู่มากมาย  ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ปั๊มน้ำมัน หรือห้างสรรพสินค้า อีกทั้งค่าซ่อมบำรุงก็ต่ำ ไม่มีเครื่องยนต์ ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง  ต่างจากเครื่องยนต์สันดาป ที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนมากมายหลายต่อหลายชิ้น ที่ต้องซ่อมต้องเปลี่ยนอย่างไม่รู้จบ

2. รถไฟฟ้า แรงบิดสูง ออกตัวเร็ว ไม่มีจังหวะหน่วง

เพราะรถไฟฟ้า  หรือ รถ EV  ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน  และสามารถทำให้มีอัตราเร่งได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์  คนที่ได้ลองขับรถ EV แล้ว จะติดใจและคุ้นเคย จนไม่อยากกลับไปขับรถสันดาปแบบเดิมอย่างแน่นอน

3. ความรู้ความเข้าใจ และสถานการณ์ของ รถไฟฟ้า ได้เปลี่ยนและพัฒนาขึ้นมากแล้ว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในบรรดาข้อดีของรถ EV ที่สื่อหลากหลายสำนักต่างสาธยายและโน้มน้าว ย่อมต้องมีจุดบอดหรือข้อเสียแฝงอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นราคาแบตเตอรี่ที่สูงมาก / อะไหล่ที่ไม่เพียงพอและรอนาน / ปัญหาการใช้จุดชาร์จสาธารณะอย่างขาดวินัยและจิตสำนึกของผู้ใช้งานบางคน แต่สิ่งเหล่านั้น มันเป็น “ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ ”  จึงควรติดตามและ update ข่าวสารอยู่เสมอ ให้คุณไม่พลาด ทุกการตัดสินใจ ซึ่งทั้ง บีวายดี ดอลฟิน และ บีวายดี ออตโต้ ต่างก็ผ่านการพิสูจน์มากมายจากนักรีวิวหลายสำนักและผู้ใช้งานจริงมาอย่างมากมายแล้ว

4. สังคมยุคใหม่ของโลกใบนี้  มันคือ สังคมรถ EV

แม้ทุกวันนี้ รถส่วนใหญ่บนถนน ยังคงเป็นรถสันดาป แต่ก็ใช่จะเป็นเช่นนั้นเสมอไป อยากให้นึกถึงวันที่ Smart phone เข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา จนถึงวันนี้ คงไม่มีใครอยากกลับไปใช้โทรศัพท์ในรุ่นเดิมๆ  ยิ่งโดยเฉพาะในสังคมยุคนี้ที่การเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่เป็นไปอย่างรวดเร็ว  ประกอบกับนโยบายประชาคมโลกที่ผลักดันการเข้าสู่สังคม รถ  EV อย่างจริงจังและเร่งด่วน  วันนี้หากคุณกำลังมองหารถคันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไร  แต่รถคันนั้นควรจะเป็นรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV Car เท่านั้น

5.การใช้งาน รถไฟฟ้า เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเปลี่ยนโลก

การปล่อยมลภาวะ และฝุ่นละอองจากรถพลังงานไฟฟ้า ย่อมน้อยกว่ารถที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนท้องถนนที่ไม่อาจเห็นผลลัพธ์แห่งการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน

Cr. https://bydmetromobile.com/

.

รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท

      ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ายังมีทั้งแบบอาศัยเครื่องยนต์เผาไหม้ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งในส่วนการขับเคลื่อนและผลิตพลังงานไฟฟ้าเก็บสะสมในแบตเตอรี่ หรือเป็นแบบที่ใช้เชื้อเพลิงอื่นอย่างแก๊สไฮโดรเจนมาผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงด้วยดังนั้น จึงแบ่งรถยนต์ไฟฟ้าออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

1. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electri Vehicle : BEV)

   เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% โดยใช้การขับเคลื่อนจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานภายนอก และไม่มีเครื่องยนต์ที่ต้องเผาไหม้เชื้อเพลิงจึงทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากรถยนต์

2. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle : HEV)

   ไม่มีช่องเสียบปลั๊กไฟฟ้าชารจ์จากแหล่งพลังงานภายนอก จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการผสมด้วยเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ แต่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถยนต์ปกติทั่วไป เป็นรถยนต์ที่เป็นยุคเริ่มต้นของการเริ่มปรับเปลี่ยนมาเป็นรถไฟฟ้า

3. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in Hybrid electric Vehicle : PHEV)

   เป็นรถยนต์ที่มีการพัฒนาต่อมาจากระบบแบบไฮบริด แต่มีช่องให้เสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งพลังงงานภายนอก ข้อดีกว่าแบบไฮบริดคือ สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าแบบไฮบริด

4. รถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle : FCEV)

   เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการติดตั้งเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้โดยตรงจากการใช้แก๊สไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน

.

รถยนต์ Hybrid กับ EV ต่างกันอย่างไร? 

     พลังงานทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามามีบทบาทกับคนใช้รถยนต์อย่างเรา และจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ใช่เลย...วันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันว่า รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าต่างกันอย่างไร

รถยนต์ HYBRID

     รถยนต์ไฮบริด (HYBRID) คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานสองอย่างผสมระหว่างพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงกับพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งหลักการของรถยนต์ไฮบริด จะเป็นการเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ที่แบตเตอรี่ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาเฉพาะสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ และจะทำงานในช่วงที่เครื่องยนต์ใช้ความเร็วในรอบต่ำหรือจอดรถติดไฟแดง รวมถึงช่วงออกตัวในช่วงที่ใช้ความเร็วไม่มาก จากนั้นเมื่อความเร็วสูงขึ้นระบบจะตัดการทำงานไปที่ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานกับเครื่องยนต์ปกติ
การทำงานของระบบไฮบริด
     1. อัตราการเร่งของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ความเร็ว 50 – 112 กิโลเมตร/ชั่วโมง เครื่องยนต์ทำงานพร้อมกับมอเตอร์ แรงบิดจากมอเตอร์จะช่วยให้อัตราเร่งดีขึ้นใช้ในการเร่งความเร็ว
     2. รอบการทำงานของเครื่องยนต์ต่ำมอเตอร์ทำงานทั้งหมด เครื่องยนต์ดับใช้แบตเตอรี่อย่างเดียว ถ้าแบตเตอรี่ใกล้หมด เครื่องยนต์จะทำงานปั่นไปให้มอเตอร์ขาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่
     3. รอบการทำงานของเครื่องยนต์ขณะเร่งสูงและมีความเร็วคงที่ เกิดแรงบิดเครื่องยนต์เต็มที่ ทำให้รับกำลังมาจากเครื่องยนต์แล้วชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่
     4. ขณะที่ปล่อยคันเร่ง เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน พลังงานจากล้อจะย้อนเข้ามาชาร์จกลับให้มอเตอร์เข้าแบตเตอรี่ระบบไฮบริดใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ตัวแรกใช้ขับเคลื่อน ตัวสองให้ชาร์จกลับและแปลงพลังงานกลเป็นไฟฟ้าจ่ายมอเตอร์ขับเคลื่อนได้โดยตรง โดยทั้งสองตัวนี้จะหมุนตรงข้ามกัน

รถยนต์ไฟฟ้า EV

     รถยนต์ไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน 100% และสามารถชาร์จไฟได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด รถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบที่สำคัญในการขับเคลื่อน คือ แบตเตอรี่ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า
การทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า
     เริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ต่อมาเป็นตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับและส่งไปยังมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ทั้งค่าซ่อมบำรุง และค่าพลังงานไฟฟ้ามีราคาน้อยกว่าพลังงานเชื้อเพลิง ที่สำคัญที่สุดรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยไอเสียจึงไม่สร้างมลภาวะให้แก่โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
 หากสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ระหว่างรถไฮบริดและรถไฟฟ้า
     ไฮบริด คือ รถยนต์ที่ผสมระหว่างเครื่องยนต์พลังงานจากน้ำมันกับมอเตอร์พลังงานจากไฟฟ้า
      EV คือ รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 100% ไม่มีเครื่องยนต์
ปัจจุบันก็เริ่มมีรถไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายหลายยี่ห้อ รูปทรงสีสันสวยงามแตกต่างกันแต่ละแบรนด์ สามารถเลือกได้ตามชอบและให้เหมาะกับการใช้งานของเราได้เลยค่ะ

.

ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ถูกวิธี  
     ปัจจุบันการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากค่ายรถยนต์ที่จำหน่ายรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นรวมถึงสถานีที่เป็นจุดชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและรู้ถึงวิธีการชาร์จพลังงานรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่เราจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายและรู้วิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง ไปดูกันค่ะว่าเราจะชาร์จรถไฟฟ้าย่างไรให้ถูกวิธีกันค่ะ
 ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน : เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด คือการเช็คความพร้อมก่อนออกเดินทางทุกครั้งเพื่อจะได้มั่นใจว่าเราจะถึงจุดหมาย แต่การชาร์จไฟที่บ้านจะเป็นการชาร์จที่ไม่มีประสิทธิภาพเพราะอาจจะใช้เวลาชาร์จนานถึง 24 ชั่วโมงถึงจะเต็ม หากเราติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้านเป็นเครื่องชาร์จรถยนต์โดยเฉพาะ จะมีคุณสมบัติในเรื่องความปลอดภัยของบ้านและรถยนต์ของเรานะคะ
วิธีการชาร์จไฟรถยนต์ที่บ้าน : เพื่อความปลอดภัยในการชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านทุกครั้ง คือ ดับเครื่องยนต์ ปลอดล็อครถยนต์ และเสียบสายชาร์จให้ขึ้นสัญลักษณ์การชาร์จไฟ เมื่อชาร์จเต็มแล้วให้ปลดล็อครถยนต์และดึงสายเสียบออก ถึงจะถือว่าการชาร์จไฟเสร็จสมบูรณ์ การชาร์จไฟไม่จำเป็นต้องชาร์จทุกวันนะคะ แต่จะให้ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งาน เพื่อเป็นการรักษารถยนต์แล้วและยังช่วยประหยัดค่าไฟที่บ้านด้วยค่ะ
 ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่จุดสาธารณะ : ถึงแม้เราจะชาร์จไฟที่บ้านจนเต็มแล้วก็ตาม บางครั้งอาจจะมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้บริการที่ชาร์จไฟฟ้าตามจุดสาธารณะ มีจุดบริการที่ไหนเก็บเป็นข้อมูลไว้เลยนะคะ
     1.สถานีอัดประจุไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง (MEA)
     2.สถานีอัดประจุไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)
     3.สถานีอัดประจุไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (EGAT)
     4.สถานีอัดประจุฟ้า PTT EV Station
     5.สถานีอักประจุไฟฟ้า EA Anywhere
ข้อควรรู้เรื่องเวลาในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
     1. ใช้เวลาชาร์จ 12-15 ชั่วโมง หากชาร์จจากเต้ารับปลั๊กธรรมดาในบ้าน
     2. ใช้เวลาชาร์จ 4-8 ชั่วโมง หากใช้เครื่องชาร์จที่บ้านสำหรับชาร์จไฟรถยนต์โดยเฉพาะ
     3. ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที ที่สถานีชาร์จสาธารณะ
.
.
อ่านบทความเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง :

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สนใจสอบถามบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า (แบบเช่ารถรายวัน- แบบเช่ารถรายปี)  คลิก

หรือ โทรสอบถามได้ที่ 02-291-8888 , Line : @kcar หรืิอ https://lin.ee/WD6rRjS

     บริการรถเช่าระยะสั้น (รายวัน-รายเดือน) รถเช่าสำหรับองค์กร (1-5 ปี) พร้อมบริการดูแลรถยนต์ให้ท่านตลอดอายุสัญญาการเช่า ดูแลรักษาด้านรถยนต์ การซ่อมบำรุง พรบ. ประกันภัยรถยนต์ การต่อภาษีรถยนต์ประจำปี บริการรถทดแทนระหว่างซ่อม และเจ้าหน้าที่ Call Center ดูแลตลอด 24 ชม.